Full width home advertisement

XovsRk.jpg

Advertisement

XovsRk.jpg

สภาฯ รับทราบรายงาน กมธ. บุหรี่ไฟฟ้า เน้นป้องเยาวชน ส่งไม้ต่อ ครม. ชี้ชะตาคุมบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย

สภาฯ รับทราบรายงาน กมธ. บุหรี่ไฟฟ้า เน้นป้องเยาวชน ส่งไม้ต่อ ครม. ชี้ชะตาคุมบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย
สภาฯ รับทราบรายงาน กมธ. บุหรี่ไฟฟ้า เน้นป้องเยาวชน ส่งไม้ต่อ ครม. ชี้ชะตาคุมบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย


สภาผู้แทนราษฎรรับทราบรายงาน กมธ. วิสามัญบุหรี่ไฟฟ้า เสนอ 3 ทางเลือกนโยบาย เน้การปกป้องเด็กและเยาวชน และเห็นชอบกับข้อสังเกตุของ กมธ. เตรียมส่งต่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ผู้สื่อข่าวรายงานจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 25 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 วันที่ 20 มีนาคม ซึ่งมีวาระรับทราบรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยในช่วงแรก นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภา ทำหน้าที่ดำเนินการประชุมในครั้งนี้ ได้เปิดโอกาสให้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ นำโดย นายนิยม วิวรรธนะดิฐกุล ประธานคณะกรรมการวิสามัญ ฯ  รายงานผลการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบจากบุหรี่ไฟฟ้าในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจ ซึ่งนายนิยมได้ชี้แจงว่ารายงานนี้ผ่านการพิจารณาด้วยความรอบคอบเป็นกลาง ด้วยการเชิญหน่วยงาน องค์กร บุคคล มาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงต่างๆ และรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข กองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพแห่งชาติ การยาสูบแห่งประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ องค์การอนามัยโลก สถาบันด้านการแพทย์ รวมทั้งภาคประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการห้ามบุหรี่ไฟฟ้าในปัจจุบัน พร้อมระบุว่ารายงานนี้เป็นรายงานที่ศึกษาตามบริบทของประเทศไทย โดยเฉพาะการระบาดในเด็กเยาวชนในสังคมปัจจุบัน 
ต่อมา นพ.ภูมิมินทร์ ลีธีระประเสริฐ หนึ่งในกรรมาธิการ ฯ ได้นำเสนอแนวทางในการกำหนดนโยบายและการดำเนินงานของรัฐบาลเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า เป็น 3 แนวทาง ได้แก่

แนวทางที่ 1: บุหรี่ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน (Heated Tobacco Products) ทุกประเภท เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย โดยเน้นที่การแก้ไขกฎหมายที่มีอยู่หรือออกกฎหมายใหม่ เพื่อห้ามการผลิต นำเข้า จำหน่าย และครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบทางสุขภาพ ปรับปรุงการบังคับใช้ให้เข้มงวดมากขึ้น
แนวทางที่ 2: ผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน (Heated Tobacco Products: HTPs) เป็นสิ่งที่ถูกควบคุมตามกฎหมาย โดยการแก้ไขกฎหมายเพื่อควบคุมภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ประกาศกระทรวงพาณิชย์ คำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ออกกฎกระทรวงต่าง ๆ เพื่อควบคุม ไปจนถึงการโฆษณา การนำเข้าขาย มาตรฐานผลิตภัณฑ์ แก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการนำเข้าศุลกากร ระเบียบกรมสรรพสามิต ช่วยให้กฎหมายมีประสิทธิภาพ เป็นทางเลือกของประชาชน ช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกยาสูบ การแปรรูปผลผลิต และออกมาตรการการป้องกันการเข้าถึงของเยาวชน
แนวทางที่ 3: บุหรี่ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน (Heated Tobacco Products) ยกเว้น toy pod ให้เป็นสิ่งที่ถูกควบคุมตามกฎหมาย โดยมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้สามารถนำเข้า ผลิต และจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าได้ภายใต้การควบคุม ทั้งกฎกระทรวง ภาษีสรรพสามิต ซึ่งจะช่วยให้รัฐสามารถจัดเก็บภาษี และควบคุมมาตรฐานผลิตภัณฑ์ได้ เป็นทางเลือกให้ประชาชน ลดการทุจริตคอรัปชั่นจากช่องว่างทางกฎหมาย แต่ก็ต้องมีมาตรการป้องกันการเข้าถึงของเด็กและเยาวชนอย่างเข้มงวด


ประธานในที่ประชุมได้เปิดให้มี สส. อภิปราย โดย นางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจ สส. พรรคเพื่อไทยกล่าวถึงความน่ากังวลของบุหรี่ไฟฟ้าในหมู่เยาวชน โดยระบุว่า แม้ประเทศไทยจะมีกฎหมายห้ามการนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว แต่จำนวนผู้ใช้กลับเพิ่มขึ้น 10 เท่าในระยะเวลาเพียง 1 ปี “ขอชื่นชมนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ที่ออกมาตรการเข้มงวดภายใน 30 วัน ส่งผลให้มีการจับกุมกว่า 1,000 คดี ซึ่งมากกว่าสถิติการจับกุมปีที่ผ่านมาทั้งปี และขอขอบคุณ กมธ. ที่นำเสนอแนวทางแก้ไขวิกฤติบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ดิฉันเห็นด้วยกับแนวทางที่ 2 และ 3 แต่สิ่งสำคัญควรให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนเป็นสิ่งจำเป็นควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด” พร้อมทิ้งท้ายว่าวิกฤติสุขภาพจากบุหรี่ไฟฟ้าในวันนี้เป็นโอกาสของประเทศในการจะแก้ไขกฎหมายให้มีความชัดเจน


ต่อมา นายธีระชัย แสนแก้ว สส. พรรคเพื่อไทย เสริมว่า “บุหรี่ไฟฟ้ากำลังเป็นปัญหาที่แพร่ระบาดในสังคม โดยเฉพาะในหมู่เยาวชน แม้ว่าจะมีการกล่าวว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าการสูบบุหรี่ แต่ก็ยังคงมีอันตรายต่อสุขภาพ จึงขอเสนอให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และเรียกร้องให้มีมาตรการยึดทรัพย์ผู้นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า”
ด้าน นายภัณฑิล น่วมเจิม จากพรรคประชาชน ชี้ให้เห็นถึงปัญหาการบังคับใช้กฎหมายที่ล้มเหลว โดยบุหรี่ไฟฟ้ายังคงขายเกลื่อนตามร้านค้าข้างทางและออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องพื้นที่ห้ามสูบที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างจริงจัง     

 นายทรงยศ รามสูต สส. พรรคเพื่อไทย จังหวัดน่าน ได้ลุกขึ้นเสนอความเห็นว่า “ยาสูบเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดน่าน แต่ระยะหลังนี้อุตสาหกรรมถดถอยลงไปมาก เนื่องจากบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ไฟฟ้าระบาดมากขึ้น รัฐบาลก่อนหน้านี้ไม่เคยเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า แต่รัฐบาลนายกแพทองธารเดินหน้าอย่างจริงจัง ซึ่งต้องขอชื่นชม และเห็นด้วยกับข้อเสนอในรายงานของ กมธ. ชุดนี้ ว่าควรต้องมีการปรับปรุงกฎหมายบุหรี่ไฟฟ้าให้มีความเฉพาะ ควบคุมการนำเข้า การเสพ การครอบครอง รวมทั้ง กำหนดพื้นที่ที่เหมาะสมเฉพาะสำหรับการใช้บุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงที่สภาแห่งนี้เองด้วย”
ด้านนายปรีติ เจริญศิลป์ สส. พรรคประชาชน จังหวัดนนทบุรี ระบุว่าเห็นด้วยกับแนวทางที่ 3 เช่นเดียวกับเสียง กมธ. ส่วนใหญ่ เพราะการแบนบุหรี่ไฟฟ้าไม่สามารถควบคุมปัญหาได้จริง แต่การควบคุมอย่างถูกกฎหมายพร้อมมีมาตรการที่ชัดเจน เช่น ห้ามพอดการ์ตูน ห้ามทำโฆษณาโปรโมชั่น และห้ามใช้ในที่สาธารณะ เป็นต้น จะสามารถแก้ปัญหาได้ พร้อมยกตัวอย่างประเทศที่ใช้มาตรการควบคุมแทนการแบน เช่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ที่สามารถกำกับคุณภาพและปกป้องผู้ไม่สูบบุหรี่ได้โดยไม่ริดรอนสิทธิของผู้สูบบุหรี่ ทั้งนี้ นายปรีติยังได้ทิ้งทายด้วยการตั้งคำถามถึงจุดยืนของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธารที่เคยสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายก่อนเลือกตั้ง แต่ปัจจุบันกลับสั่งปราบปราม

นอกจากนี้ ยังมี ส.ส. อีกหลายท่านได้แสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า การปราบปรามเป็นมาตรการเร่งด่วนที่จำเป็น เพราะบุหรี่ไฟฟ้ากำลังเป็นภัยต่อประเทศชาติ แต่ในระยะยาว ประเทศไทยต้องมีกฎหมายที่ชัดเจนในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อลดปัญหาตลาดมืดและปกป้องสุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ
ในช่วงท้ายของการประชุม นายนิยม วิวรรธนะดิฐกุล ประธานคณะกรรมการวิสามัญ ฯ ได้กล่าวสรุปว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่ ต้องอาศัยความร่วมมือกับทุกฝ่าย เพราะเรามุ่งมั่นที่จะปกป้องเด็กและเยาวชนต่อบุหรี่ไฟฟ้า รัฐบาลที่กำลังปราบปรามเป็นสิ่งดี แต่อยากให้ทำต่อไป ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง รวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การสร้างความตระหนักรู้กับเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการต้องเน้นย้ำให้มากขึ้น พร้อมตั้งประเด็นว่าปัญหาเกี่ยวกับการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าควรมี พ.ร.บ.ที่ควบคุมอย่างชัดเจนได้แล้วหรือไม่ จึงฝากรัฐบาลและฝ่ายบริหารนำผลการศึกษาและการอภิปรายในครั้งนี้ไปศึกษาต่อไป หลังจากนั้นสภาฯ ได้มีมติรับทราบรายงานและข้อสังเกตของ กมธ. ก่อนปิดการประชุม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Ads

XovsRk.jpg